การวางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนควรวางแผนและเตรียมตัวล่วงหน้าให้พร้อม เพราะทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีให้กับทางภาครัฐตามกฎหมาย ใครที่ยังสับสนอยู่ว่า ต้องคำนวณภาษีอย่างไร รายได้เท่าไหร่ถึงเข้าเกณฑ์เสียภาษี ภาระแบบไหนบ้างที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ วันนี้ Accounting Journey ได้นำข้อมูลสำคัญที่หลายคนอยากรู้ เกี่ยวกับการวางแผนภาษีบุคคลธรรมดา ติดตามได้ในบทความนี้
4 ขั้นตอนที่ต้องรู้ ในการวางแผนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
การวางแผนภาษีอาจเป็นเรื่องซับซ้อนและน่าปวดหัวสำหรับหลายคน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน หรือคนที่มีรายได้จากหลายแหล่ง อาจทำให้รู้สึกเป็นกังวลว่าจะต้องทำอย่างไรให้ถูกต้องและประหยัดภาษีให้ได้มากที่สุด นอกจากการใช้บริการรับจ้างยื่นภาษีโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่คุณสามารถเริ่มต้นวางแผนภาษีได้ด้วยตัวเองเพียงปฏิบัติตาม 4 ขั้นตอนต่อไปนี้
1. เริ่มยื่นภาษีได้เมื่อไหร่
ขั้นตอนแรกต้องรู้ก่อนว่าจะเริ่มยื่นภาษีได้เมื่อไหร่ สำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินทุกประเภทจะเริ่มยื่นภาษีได้ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม ของปีภาษีถัดไป สำหรับผู้ที่ต้องยื่นแบบภาษี ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (1), 40(2) มีดังนี้
- คนโสดผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 120,000 บาท หรือตกเดือนละ 10,000 บาท ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือเงินค่าจ้างประเภทอื่น ๆ ปีละ 60,000 บาท ตกเดือนละ 5,000 บาท
- ผู้ที่สมรสแล้วจะต้องมีรายได้จากเงินเดือนทั้งปี 220,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 18,333 บาท และเงินค่าจ้างประเภทอื่น ๆ รวมกันปีละ 120,000 บาท หรือตกเดือนละ 10,000 บาท
ทั้งนี้ผู้ที่ต้องยื่นแบบแสดงภาษีไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสียภาษีทุกคน เพราะผู้ที่เข้าเกณฑ์จะต้องมีรายได้สุทธิรวมแล้วมากกว่า 150,000 บาทต่อปีจะต้องเสียภาษีในอัตรา 5%
เงินได้พึงประเมินคืออะไร
เงินได้พึงประเมิน คือ รายได้ทั้งปีที่ได้จากการทำงานมารวมกัน โดยปัจจุบันกรมสรรพากรได้แบ่งเงินได้พึงประเมินไว้ทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่
- เงินได้ประเภทที่ 1 เงินที่ได้จากการจ้าง
- เงินได้ประเภทที่ 2 เงินได้จากตำแหน่งงาน
- เงินได้ประเภทที่ 3 ค่าลิขสิทธิ์
- เงินได้ประเภทที่ 4 ดอกเบี้ย เงินปันผล ผลประโยชน์จากการลงทุน
- เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน
- เงินได้ประเภทที่ 6 ค่าวิชาชีพอิสระ
- เงินได้ประเภทที่ 7 เงินได้จากการเป็นผู้รับเหมา
- เงินได้ประเภทที่ 8 เงินได้จากธุรกิจการพาณิชย์
2. วิธีคำนวณภาษีเงินได้ด้วยตัวเอง
ในการวางแผนภาษีนั้น ทุกคนจะต้องทำความเข้าใจกับวิธีคำนวณภาษีเสียก่อน ต้องคำนวณเงินได้สุทธิจึงจะได้ตัวเลขที่แท้จริงและนำมาคูณกับอัตราภาษี ซึ่งหลายคนสงสัยว่าเงินได้สุทธิได้มาจากอะไร คำตอบคือ เงินได้ ลบค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน สามารถนำมาคำนวณภาษีได้ด้วยสูตร ดังนี้
เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
ตัวอย่างการคำนวณภาษี
นาย A มีรายได้เดือนละ 35,000 บาท รวมทั้งปีเท่ากับ 420,000 บาท มีค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาท หักค่าประกันสังคมปีละ 9,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- เงินได้สุทธิ 420,000 – 100,000 – 9,000 – 60,000 = 251,000 บาท
- เงินได้สุทธิ 150,000 ได้รับการยกเว้นภาษี (ตามตารางอัตราภาษีเงินได้แบบขั้นบันได)
- นำเงินได้สุทธิ 251,000 – 150,000 = 101,000 บาท
- อัตราภาษีที่ต้องจ่าย 101,000 x 5% = 5,050 บาท
หมายเหตุ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวสามารถหักได้ 50% จากเงินได้ทั้งปีแต่ไม่เกิน 100,000 บาท และประกันสังคมที่มีการสมทบเดือนละ 750 บาท นำไปใช้หักรายได้สุทธิได้สูงสุด 9,000 บาท (เป็นการคิดรวมค่าประกันสังคม 1 ปี)
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เพื่อให้วางแผนภาษีง่ายขึ้น สามารถเช็กอัตราเงินได้ที่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษีจากตารางด้านล่างดังนี้
เงินได้สุทธิ | ช่วงเงินได้สุทธิ | อัตราภาษีคิดเป็น % |
0 – 150,000 บาท | 150,000 บาท | ได้รับการยกเว้น |
150,001 – 300,000 บาท | 150,000 บาท | 5% |
300,001 – 500,000 บาท | 200,000 บาท | 10% |
500,001 – 750,000 บาท | 250,000 บาท | 15% |
750,001 – 1,000,000 บาท | 250,000 บาท | 20% |
1,000,001 – 2,000,000 บาท | 1,000,000 บาท | 25% |
2,000,001 – 5,000,000 บาท | 3,000,000 บาท | 30% |
5,00,001 บาทขึ้นไป | 35% |
3. รายการลดหย่อนภาษีมีอะไรบ้าง
หลังจากที่ได้เรียนรู้วิธีการคำนวณภาษีกันไปแล้ว จะสังเกตได้ว่ามีการนำรายการลดหย่อนมาหักเงินได้เพื่อให้เป็นเงินได้สุทธิเข้าไปด้วย โดยรายการลดหย่อนภาษีสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
รายการลดหย่อนภาษีเฉพาะบุคคล
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร 30,000-60,000 บาท/คน
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบิดามารดา 30,000 บาท/คน
(ของตนเองและคู่สมรส) - ค่าลดหย่อนอุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ 60,000 บาท/คน
- ค่าฝากครรภ์และทำคลอดท้องละ 60,000 บาท
รายการลดหย่อนภาษีจากการออม ประกัน และการลงทุน
- ประกันสังคมลดหย่อนได้ไม่เกิน 9,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนสูงสุด 100,000 บาท
(ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี) - เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
(ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี) - เบี้ยประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ ลดหย่อนสูงสุด 25,000 บาท
(เมื่อนำเบี้ยไปรวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท) - เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
(บิดามารดา ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท) - เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) สูงสุด 100,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท - กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท - กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ
ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท - ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท - กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
รายการลดหย่อนภาษีจากการบริจาค
- เงินบริจาคพรรคการเมืองตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10,000 บาท
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ 2 เท่าของเงินบริจาค
แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ - เงินบริจาคทั่วไป ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน
โครงการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
- ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- โครงการ Easy e-Receipt (2567) ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลในแต่ละปี)
4. ยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์
ทำการยื่นแบบภาษีกับกรมสรรพากรให้เรียบร้อย ผู้เข้าใช้บริการครั้งแรก ให้เลือกรายการสมัครใช้บริการ หลังจากนั้นจึงเข้าระบบตามขั้นตอน เมื่อทำรายการยื่นแบบภาษีเรียบร้อย และมีภาษีที่ต้องชำระ จะต้องชำระภาษีภายในกำหนดเวลายื่นแบบ ผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้
- ชำระภาษีผ่านบริการอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารพาณิชย์
- การชำระเงินทางไปรษณีย์ Pay at Post
ที่มา: กรมสรรพากร
สรุปการวางแผนภาษีฉบับมนุษย์เงินเดือน
การวางแผนภาษีเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ Accounting Journey ขอแนะนำให้มนุษย์เงินเดือนทุกคนที่ฐานเงินเดือนสุทธิเข้าเกณฑ์ ควรวางแผนภาษีไว้ตั้งแต่ต้นปีได้เลยจะได้ไม่ยุ่งยากในช่วงยื่นแบบภาษีเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกับประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ทำประกันชีวิตให้พ่อกับแม่ และติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทุกปี ไม่แน่ ปีนี้อาจจะเป็นปีแรกที่คุณสามารถขอคืนภาษีจากสรรพากรได้ก็เป็นได้